Description
Q1: ขโมยดวง
A: บุญบาป ขโมยกันไม่ได้ ใครทำคนนั้นได้ ทำให้กันก็ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพระพุทธเจ้าคงแบ่งบุญให้ทุกคนพ้นทุกข์ไปแล้ว
การเสริมดวง (ดวงดี) = ทำความดี มีสัมมาทิฏฐิ (เห็นว่า สุขทุกข์เกิดกับตนโดยมีเหตุปัจจัย เช่น กรรมเก่า การเตรียมตัวไม่สม่ำเสมอ ดินฟ้าอากาศ ผู้อื่นทำร้าย ปัญหาสุขภาพ)การขโมยดวง (ดวงตก) = ทำความชั่ว คบเพื่อนชั่ว มีมิจฉาทิฏฐิ (เห็นว่า สุขทุกข์เกิดจากมีผู้เป็นใหญ่คอยบันดาลให้เกิดกับตนเท่านั้น หรือเกิดจากกรรมเก่าของตนเท่านั้น หรือกรรมเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุปัจจัย)ไม่ว่าจะเป็นการเสริมดวงหรือการขโมยดวง อยู่ที่การกระทำของเราว่าทำดีหรือทำชั่ว ให้มั่นใจในระบบของ “กรรม” ถ้าอยากได้สุข ไม่อยากได้ทุกข์ ก็ต้องสร้างเหตุปัจจัยที่เหมาะสม โดยการทำดี พูดดี คิดดี ซึ่งเราสามารถทำได้โดยไม่ต้องให้ใครมาพยากรณ์กรณีเจอผัสสะที่ไม่น่าพอใจที่เกิดจากการกระทำของผู้อื่น (กายหยาบ กายละเอียด) วิธีอยู่อย่างไรให้ผาสุก ก็ต้องมั่นใจในเรื่องของ “กรรม” ที่ถูกต้อง
Q2: การแสดงธรรมโดยเคารพเพื่อนผู้ประพฤติธรรม
A: ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า หลักการแสดงธรรมให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่ายมี 5 ประการ
แสดงไปตามลำดับไม่ตัดลัดให้ขาดความอ้างเหตุผล = มีที่มา แหล่งอ้างอิงอาศัยความเอ็นดู = อนุเคราะห์ให้เขาพ้นจากความทุกข์ไม่เพ่งอามิสแสดงธรรม = ไม่หวังลาภสักการะจากการแสดงธรรมไม่แสดงธรรมกระทบตนและผู้อื่น = ไม่ยกตนข่มผู้อื่น
หากแสดงธรรมไม่ตรงตามหลักการข้างต้น ผู้แสดงธรรมก็จะถูกติเตียน
Q3: บรรลุธรรมโดยไม่ฟังธรรม ได้หรือไม่?
A: พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “ประตูแห่งนิพพานอันเป็นอมตะ เราเปิดไว้แล้วแก่สัตว์ในยุคนี้ สัตว์เหล่าใดมีโสตประสาท สัตว์เ