วิตกและสังกัปปะไปในพุทธานุสสติ [6737-2m]
Listen now
Description
สังกัปปะ กับ วิตก เป็นความคิดเหมือนกัน แต่มีธรรมชาติที่ต่างกัน คือถ้าเราต้องน้อมจิตเรียกว่าความคิดตริตรึกหรือวิตก แต่ถ้าความคิดโผล่ขึ้นมาเรียกความคิดนี้ว่าสังกัปปะหรือความดำริ ทั้ง 2 ประเภท มีทั้งคิดในทางกุศลหรือสัมมา และอกุศลหรือมิจฉา เราต้องฝึกตริตรึกไปในทางที่ละกาม พยาบาท และเบียดเบียน เพื่อให้เกิดความดำริหรือสังกัปปะที่เป็นกุศล นี่เป็นการทำงานร่วมกันของวิตกและสังกัปปะ ฝึกได้เริ่มจากวิตกสู่สังกัปปะโดยพุทธานุสสติ เราต้องน้อมจิตไปคิด นึกถึงพระพุทธเจ้าตอนที่เป็นพระโพธิสัตว์เดินข้ามแม่น้ำเนรัญชราถือหญ้าคาปูนั่งใต้ต้นโพธิ์ จิตแน่วแน่ในการที่จะบรรลุสัมมาโพธิญาณให้ได้ ตั้งไว้ซึ่งความเพียรอันไม่ถอยกลับ จิตเป็นสมาธิอยู่ตลอด ตริตรึกและดำริไปในญาณทั้งสาม แผ่เมตตาทั่วทุกทิศ ดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ที่มีองค์ประกอบอันประเสริฐ 8 อย่าง ละอาสวะ รู้อริยสัจ 4 ขึ้นมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ให้เราคิดด้วยการนึกน้อมจิตไปในเรื่องของพระพุทธเจ้านี้ ให้สะสมจนเป็นสังกัปปะคือความดำริ ที่มันเกิดขึ้นได้เองเป็นธรรมชาติของจิตของเราเอาไว้อย่างนี้ให้ดี รักษาให้ได้ตลอดทั้งวัน Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
More Episodes
เราจะศรัทธา ปฏิบัติตามสิ่งใด สิ่งนั้นต้องตรวจสอบได้ ต้องพ้นทุกข์ได้จริง โดยต้องประกอบด้วยมรรคมีองค์แปด ตลอดทางที่ดำเนินไป คือ มีศีล สมาธิ ปัญญา เริ่มจาก มีศรัทธา พร้อมปัญญา ว่าสิ่งนั้นตรวจสอบได้ด้วยตนเอง เมื่อมั่นใจแล้ว ตั้งใจลงมือทำ ด้วยความเพียร มีสติ สมาธิ ปัญญา เกิดขึ้น จะเห็นว่า ทุกๆสิ่ง...
Published 11/11/24
Published 11/11/24
จิตที่ไหลไปตามกระแส สุขๆ ทุกข์ๆ ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีที่เกาะ ตามหาที่พึ่งไปเรื่อยๆ ขาดที่พึ่งที่แท้จริง หากแต่ เมื่อเรามี สติเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นที่พึ่ง จะไม่ยึดในเวทนาทั้งสุขและทุกข์, ระลึก รู้ตัว ในสิ่งต่างๆคือ มีสติปัฏฐานสี่เป็นที่พึ่งตลอด, อกุศลธรรมดับ กุศลธรรมเกิด ข้ามกระแสน้ำเชี่ยว...
Published 11/04/24