Description
Q : นั่งสมาธิแล้วคิดเรื่องกามบ้าง ไม่กามบ้าง คือหลุดจากสมาธิ?
A : หากยังคิดเรื่องกามอยู่ นั่นยังไม่เกิดสมาธิ สมาธิจะเกิดได้ต้องฝึกสติ ต้องแยกแยะความคิดที่ผ่านมาให้ได้ ว่าเป็นกุศล (คิดมาในการหลีกออกจากกาม ไม่พยาบาทเบียดเบียน) หรืออกุศล (คิดเรื่องกาม พยาบาท เบียดเบียน) พยามไม่บังคับกายไม่บังคับจิต ใช้เครื่องมือคือสติ ควบคุม (ไม่ใช่บังคับหรือละเลย) ฝึกสังเกต กำหนดดู ระลึกรู้ ไม่ว่าจะมีความคิดที่ผ่านเข้า-ออก จะตามความคิดไปหรือไม่ตาม จะมีความคิดหรือไม่มีความคิด ก็ไม่ลืมลม พอเราฝึกสติแล้วสติมีกำลัง สมาธิก็จะตามมา
Q : ความสุขในสมาธิ
A : เป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยตนเอง เปรียบดังเราจะรู้ว่าอาหารร้านนี้อร่อยแค่ไหน เราก็ต้องไปทานด้วยตัวเอง สมาธินั้นจะไม่ได้ด้วยความอยาก แต่ได้ด้วยการสงบระงับ ด้วยการะงับการปรุงแต่ง สติจะเป็นตัวแยกแยะ จัดระเบียบ ทำไปเป็นขั้น อย่าข้ามขั้น จะก้าวหน้าตามลำดับ แล้วเราจะรู้เองเห็นเอง เราปฏิบัตินั้นไม่ได้จะเอาเวทนา ไม่ได้จะเอาสุข แต่ปฏิบัติเอาปัญญา เอาการรู้แจ้ง เอาการเข้าใจ สุขเวทนาเป็นทางผ่าน เป็นทางที่เป็นกุศล ให้เห็นว่าสุขเวทนาเป็นของไม่เที่ยง เราก็จะผ่านไปได้
Q : เพลิน กับ ภวังค์
A : เพลินในภายใน คือ ตั้งสยบอยู่ในภายใน สมาธิที่มีปิติสุข คือ ตั้งสยบในภายใน การเข้าภวังค์ คือ เหมือนหลับแต่ไม่ใช่หลับ สติไม่มี คือเพลินไปในสมาธิ ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดปัญญา ไม่ได้ทำให้เห็นไปตามจริง เหมือนกันตรงที่ไม่มีสติเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ภวังค์เป็นกำลังของสมาธิเกินมา น้อมไปในทางขี้เกียจ การแก้ไขถ้าตกภวังค์ สิ่งแรกคือต้องมีสติรู้ตัวอยู่ในทุกที่ หากเราเพลินไปในสมาธิ สมาธิเกินกำลัง เร