Description
8 ส.ค. 67 - จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม : คนที่ไม่ยอมรับความโศกความเศร้าความโกรธ พยายามกดข่มมัน สุดท้ายก็ตกอยู่ในอำนาจของมัน คนที่ไม่ยอมรับเสียงในหัว ที่ตำหนิครูบาอาจารย์ บุพการี จ้วงจาบพระรัตนตรัย พยายามไปต่อสู้ หรือสู้รบตบมือกับมัน ยิ่งตกอยู่ในอำนาจของมัน แต่พอเราเริ่มยอมรับได้ ใจมันก็จะเริ่มไม่หวั่นไหวแล้ว ไม่กระเพื่อมแล้ว
เสียงดังมากระทบ แต่เรายอมรับได้ มันก็ไม่เกิดความหงุดหงิด ความร้อนเกิดขึ้น มากระทบกาย เรายอมรับได้ ใจก็ไม่ร้อน มีเวทนาเกิดขึ้นกับร่างกาย ปวดเมื่อย หลัง เข่า แต่ใจยอมรับได้ มันก็ปวดแต่กาย แต่ใจไม่ทุกข์
อันนี้ก็เป็นวิธีการ ในการช่วยทำให้จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ถึงขั้นบรรลุพระนิพพาน แต่ว่าก็ทำให้ใจเราตั้งมั่น เป็นขณะๆ ไป เป็นครั้งคราวไป หรือว่าชั่วคราว แต่มันก็พาเราเข้าใกล้พระนิพพานมากขึ้น เพราะเมื่อจิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม เมื่อมีสิ่งต่างๆ มากระทบ แต่ได้อาศัยสติ การรู้ซื่อๆ หรือการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะเริ่มเห็นสัจธรรมความจริงจากสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะเห็นแจ้ง หรือเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า เหตุแห่งทุกข์นี่ ถ้าเป็นทุกข์ใจแล้ว มันก็ไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจของเรา ใจที่มีการผลักไสหรือไหลตาม ใจที่ไม่ยอมรับสิ่งต่างๆ อย่างที่มันเป็นความจริงที่ปรากฏแก่ใจของเรานี่แหละ จะช่วยทำให้เราเกิดปัญญา และปัญญาที่ว่า ก็จะทำให้จิตใจได้เข้าใกล้พระนิพพานมากขึ้น พระนิพพานจะไม่ใช่เป็นเรื่องนามธรรมแล้ว แต่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นรูปธรรมขึ้นมา นั่นก็คือการที่จิตมีความปกติ ไม่ขึ้นไม่ลง ไม่ฟูไม่แฟบ หรือพูดง่ายๆ คืออยู่เหนือสุขเห