Description
บรรยายเมื่อ 28-01-2566
ธรรมชาติของมนุษย์เรานั้น จะมีความใส่ใจต่อชีวิต ก็ต่อเมื่อมีความทุกข์ เพราะเราทุกคนไม่อยากทุกข์
ถ้าเราจน เราจะหาทางรวยถ้าเราทุกข์ เราจะหาทางมีความสุขถ้าเราโดนบีบบังคับ เราจะหาทางอิสระนี่คือกระบวนการดิ้นรนที่ตื้นที่สุดของมนุษย์
คนที่เห็นความตื้นเขินของความดิ้นรนแบบนี้ เขาจะเริ่มใส่ใจชีวิต เริ่มใส่ใจว่า...เขาทุกข์ได้ยังไง?...ความทุกข์มาจากไหน?...ทำไมถึงเกิดความดิ้นรนแบบนี้?
แต่เบื้องต้น เราใส่ใจเฉพาะความทุกข์ที่ใหญ่ ๆ ความทุกข์ที่หนักหนาเท่านั้น เพราะมันสร้างภาระที่หนักหนาให้กับชีวิตมาก
ในขณะที่ผมกำลังบอกว่า #เราต้องใส่ใจกับทุกเรื่อง ไม่ว่าความทุกข์นั้นจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
เพราะไฟกองเล็กนั้น สามารถจะกลายเป็นกองใหญ่ได้เสมอ และไฟกองใหญ่นั้น มักจะเกิดขึ้นจากกองเล็กเสมอ
ถ้าเราใส่ใจแต่ไฟกองใหญ่ มันเหมือนว่าเราพยายามจะดับไฟกองใหญ่ และความใส่ใจของเรามีแค่น้ำ 1 ถัง แค่นั้น
เราได้เพียงทำให้กองไฟนั้นเล็กลง แต่ไม่ได้ดับไป
และเมื่อกองไฟนั้น เล็กลงแล้ว นั่นหมายความว่า ความทุกข์เบาบางลงแล้ว
นั่นหมายความว่า เรารู้สึกมีความสุขขึ้นแล้ว
และนั่นหมายความว่า ที่เหลือช่างมันเถอะ
และนั่นหมายความว่า ชีวิตเป็นความปล่อยปละละเลย
และนั่นหมายความว่า ชีวิตเป็นความหลงเหมือนเดิม!
ผมไม่ได้บอก ให้เราแค่ใส่ใจต่อความทุกข์ แต่ผมบอกว่า เราต้องใส่ใจต่อ #การแสวงหาความสุขด้วยและใส่ใจไปถึง #การได้รับความสุขด้วยและใส่ใจไปถึงว่า #อะไรกันแน่ที่เป็นตัวรับความสุข
จนเรามีความชัดเจนและแจ่มแจ้งในเรื่องของความสุข
ผมเคยพูดว่า ความสุขนั้นมีส่วนของระดับพื้นฐาน และมีส่วนของความสุขที่เกิดขึ้