Description
บรรยายเมื่อ 02-09-2566
การเกิดมาของชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง มันหมายความว่าอะไร?
เราคิดแต่ในทำนองที่ว่า เราเกิดมา ทุกข์เหลือเกิน และใครที่จะช่วยเรา ให้พ้นทุกข์นี้ได้
เราเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่า วิธีคิดทั้งหมดนี้ คือ ระยะทาง และกาลเวลา และเป็นมิจฉาทิฏฐิ
นี่คือวิธีคิดเบื้องแรกของมนุษย์เราทุกคน
แต่มันไม่ใช่แค่เราคิดคนเดียว คนอื่นก็คิดเหมือนกัน
และมีคนหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะพ้นทุกข์ ตั้งแต่การสร้างความบันเทิงในโลก จนมาถึงสร้างวิธีปฏิบัติธรรม นำเสนอให้กับบุคคลที่คิดเหมือน ๆ กัน
โดยที่ไม่มีใครเห็นเลยว่า โครงสร้างทั้งหมดของการคิดแบบนี้ อยู่ภายใต้ระยะทาง และกาลเวลา
ไม่ว่าผู้แนะนำ ผู้สอน จะพาคนคนนั้นไปถึงไหนก็ตาม ถึงที่ที่ทุกคนต้องการ หรือไม่ว่าจะมีคุณสมบัติอะไรก็ตาม ที่เรียกว่า “พ้นทุกข์” มันก็ยังเป็นมิจฉาทิฐิเหมือนเดิม
แต่เรานิยมกัน ที่จะถามว่า เดี๋ยวนี้เรายังเป็นอย่างนั้นอยู่มั้ย เดี๋ยวนี้เรายังมีนั่นอยู่มั้ย เดี๋ยวนี้เรายังกระเทือนมั้ย เดี๋ยวนี้ตัวตนเราหมดไปหรือยัง?
เราสนใจแค่ผลลัพธ์ซักอย่างหนึ่ง ที่กำลังบอกเราว่า ตัวเราเอง หรืออาจารย์ของเรา ไปถึงไหนแล้ว จบหรือยัง?
เราสนใจแต่เรื่องของผลลัพธ์แบบนั้น โดยที่เราไม่เคยเห็นโครงสร้างของวิธีคิดของคนเหล่านั้น ว่ามันยังอยู่ภายใต้มิจฉาทิฏฐิเหมือนเดิม
อย่าลืมที่ผมบอกว่า ธรรมะเป็นอกาลิโก มันไม่เกี่ยวข้องกับกาลเวลา
มันไม่ใช่การประเมิน ตัดสิน โดยใช้ผลลัพธ์เป็นตัวตั้ง เป็นตัวหลัก
เพราะนั่นคือ วิธีคิดของโครงสร้างของกาลเวลา และอัตตาที่เป็นผู้ได้รับผลลัพธ์เหล่านั้น
การเปลี่ยนผ่านที่แท้จริง ไม่เกี่ยวข้องกับกาลเวลา
ขณะของชีวิตที่ไปพ้นจากกา